Blog
ทางเดินแห่งโชคชะตาและย่างก้าวแห่งอนาคต...
หมวดหมู่:
Tag: พันธุ์ชิวาวา
ชอบ (1) , View: 786, Comment: 1
ปฐมบท...
บนถนนหนทางแห่งชีวิต มีเส้นทางที่แตกแขนงออกไปมากมายหลายสาย คนเราเลือกเกิดไม่ได้ จึงทำให้พื้นฐานชีวิตหรือต้นทุนทางครอบครัวไม่เท่ากัน แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนสามารถเลือกได้ก็คือ เลือกที่จะเป็น จะเป็นอะไร จะชอบอะไร จะทำอะไรมันอยู่ที่ตัวเราเป็นคนกำหนด
วัยเด็ก...
บ้านของผมประกอบด้วยพ่อ แม่ พี่ชายและผม หมาของครอบครัวคู่แรกที่ผมจำความได้มันชื่อ น้ำตาล(เพศผู้) กับน้ำหวาน(เพศเมีย) เป็นหมาจรจัดหลงมาทั้งคู่ แต่พ่อก็ให้ข้าวให้น้ำมันทุกวันจนมันติดไม่ยอมไปไหน นั่งเฝ้านอนเฝ้าอยู่นอกบ้านทั้งวันทั้งคืน บทบาทของผมสำหรับสุนัขทั้งสองตัวนั้นเมื่อครั้งวัยเยาว์ยังไม่มีอะไรมากมาย สิ่งที่ผมคงจำได้ลางๆ คือมันเป็นหมาจรจัดที่น่ารักกับผมมาก มันจะกระดิกหางต้อนรับก่อนไปเรียน และหลังจากที่กลับมาบ้าน และนั่นอาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมเริ่มมีความรู้สึกดีดีกับสัตว์ 4 ขา ที่เรียกว่าสุนัข
ความประทับใจวัยเด็กต่อน้ำหวาน : ตอนน้ำหวานท้องแล้วคลอดลูก น้ำหวานรักลูกมาก แต่ไม่หวงลูกกับเด็กอย่างเราเลย ส่วนน้ำตาลอาจเป็นเพราะผมยังเด็กและไม่นานก็จากไปด้วยอุบัติเหตุรถยนต์ เลยทำให้ผมไม่ค่อยมีความผูกพันกับน้ำตาลมากนัก
วัยรุ่น...
ปัญหาครอบครัวเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทยที่หลายคนประสบ และครอบครัวผมก็เป็นหนึ่งในนั้น พ่อกับแม่แยกทางกัน ส่วนผมต้องย้ายไปอยู่กับแม่ แม่เลี้ยงผมดีทุกอย่างแต่สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือสุนัข ผมคงเริ่มหลงรักสุนัขเข้าแล้วจริงๆ มาอยู่กับแม่เลี้ยงสุนัขค่อนข้างหลายตัว แต่ที่โปรดปรานที่สุดชื่อ จิ๊กโก๋ เป็นสุนัขพันธุ์พูเดิล(ไม่แท้) เพศผู้และแสนรู้มากๆ แต่ท้ายที่สุดหลังจากที่ผมเข้าเรียนมหาลัยย้ายมาอยู่ กทม. ก็รู้ข่าวว่าจิ๊กโก๋หายไปจากบ้าน ยอมรับว่าเสียใจมาก แต่ก็ไม่ร้องไห้เลย จนบัดนี้ผ่านมาประมาณ 3 ปีก็ยังไม่รู้ว่ามันหายไปไหนกันแน่นะ
ข้อคิดจากการที่ได้เลี้ยงสุนัขตอนวัยรุ่น : เนื่องจากไม่มีคนเฝ้าบ้าน และเลี้ยงสุนัขไว้ประมาณ 3-5 ตัว เลยทำให้ไม่มีใครดูแล พี่ชายกับผมก็ไปเรียน แม่ก็เป็นครู ตั้งแต่เช้าจนกระทั่งเย็นสุนัขต้องอยู่บ้านด้วยกันเองตามลำพัง เลยทำให้ผมเรียนรู้ว่า นี่คือจุดผิดพลาดของผมที่อาจจะพูดง่ายๆ ได้ว่า อยากเลี้ยง แต่ยังไม่พร้อม พอคิดได้ก็เลิกรับสุนัขมาเลี้ยงอีก เลี้ยงที่มีอยู่ก็พอ
ปัจจุบัน...
หลังจาที่จิ๊กโก๋หายไป ผมก็คิดเสมอว่าอยากเลี้ยงสุนัขเป็นของตัวเองจริงๆ จังๆ สักตัวจัง ก็เล็งไว้อยู่หลายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็น บีเกิล ปอมเมอเรเนียน มินิเอเจอร์พินเชอร์ แต่สุดท้ายก็มาลงเอยที่ชิวาวา แต่กว่าผมจะตัดสินใจหามาเลี้ยงนั้นต้องสั่งตัวเองไว้ว่า ต้องเรียนให้จบปี 4 ก่อน เรื่องค่าใช้จ่ายจะได้ไม่ลำบากทางบ้าน แต่ในระหว่างนั้นก็จะเป็นคนที่ค่อนข้างบ้า ชอบหาความรู้ หาเรื่องราวของหมาพันธุ์ต่างๆ มามากมาย หรือไม่ก็เข้าตามเว็บไปดูรูปสุนัขของคนอื่นๆ แล้วก็เกิดนึกอิจฉา กิเลสเกือบจะแตก (อยากหามาเลี้ยงก่อนเรียนจบก็หลายครั้ง) แต่สุดท้ายก็ข่มใจไว้ได้
แล้ววันที่รอคอยก็มาถึง เมื่อได้ค้นหาผู้ที่ขายลูกสุนัขในเว็บบอร์ดแห่งหนึ่ง จนไปเจอสุนัขตัวที่ถูกใจ แรกเห็นแม่พันธุ์ก็ชื่นชอบแล้ว ลูกคอกก่อนๆ ของแม่สุนัขตัวนี้ก็น่ารัก พอรู้ข่าวว่าเขาท้องอีกแล้ว ด้วยความใจร้อนบวกกับตอนนั้นกำลังจะเรียนจบพอดี ก็ได้ติดต่อขอจองลูกสุนัขตั้งแต่ยังไม่คลอด โดยไม่สนใจเลยว่าลูกสุนัขจะมีสีไหนบ้าง
4 กันยายน 2554... คือวันที่ ว่าที่ลูกชายสุดที่รัก คลอดออกมาจากท้องแม่ วันนั้นจำได้เลยว่าผมติดทำงานอยู่ที่ห้างแห่งหนึ่ง แล้วบังเอิญโทรไปถามข่าวคราวกับ คุณต้อม เจ้าของสุนัข ปรากฏว่าลูกสุนัขได้คลอดออกมาแล้วมี 2 ตัว เพศผู้กับเพศเมีย ด้วยความที่อยากเลี้ยงเพศผู้ เพราะยังมีความผูกพันดีดีกับสุนัขตัวเก่าก็เลยตัดสินใจเลือกเพศผู้ไป
2 เดือนต่อมา เมื่อทุกอย่างพร้อมผมก็ตัดสินใจรับ อาก้า ย้ายเข้ามาอยู่บ้านด้วย อาก้าเป็นสุนัขที่ขี้เล่น ซุกซนมาก และไม่มีท่าทีแสดงว่าเหงาให้เห็นเลยแม้แต่น้อย เลยเป็นโชคดีของบผมไม่ต้องกังวลว่าเขาจะเหงา หรือคิดถึงบ้าน จากวันนั้นถึงวันนี้เรานอนด้วยกันทุกคืนเป็นระยะเวลา 5 เดือน (อาก้าอายุ 7 เดือน) แค่ระยะเวลาสั้นๆ แค่นี้แต่มันก็ทำให้รู้ว่าเรา 1 คน กับอีก 1 ตัว มีความผูกพันกันมากแค่ไหน ต่อให้อธิบายด้วยเหตุผลร้อยแปดประการใดก็คงไม่มีใครเข้าใจ ผมเชื่อว่าคนที่เลี้ยงสุนัขทุกคนต่างก็ต้องมีความรู้สึกผูกพัน เพียงตั้งแต่วันสองวันแรกที่รับมาเลี้ยงแล้วล่ะครับ เรื่องแบบนี้มีแต่คนรักสุนัขด้วยกันเท่านั้นที่เข้าใจ
ถ้าถามว่าเคยทำโทษอาก้าไหม ? ผมตอบได้เลยว่า เคย ครั้งที่หนักที่สุดคือวันนั้นอาก้าฉี่รดที่นอนของคนในบ้าน(ถ้าฉี่รดที่นอนผมก็คงไม่เป็นไร T^T) แล้วผมหันไปเจอพอดีเลยดุพร้อมกับตีเขาค่อนข้างแรง แต่อาก้าก็ไม่ส่งเสียงร้องออกมานะ เขาไปหาที่แอบซุกตัวอยู่ห่าง ๆ (อย่างห่วง ๆ เรา) ในห้องนอนนั่นแหละ เวลาผ่านไปประมาณ 5-10 นาที ผมเดินไปหาอาก้าอีกครั้งแล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดมาก่อนก็เกิดขึ้น อาก้าร้องไห้ น้ำตาซึม ขอบตาเปียกอย่างเห็นได้ชัด เขาคงทั้งน้อยใจ ทั้งเจ็บที่โดนผมตี และนั่นทำให้ผมเพิ่งรู้ว่า หมาก็ร้องไห้เป็นเหมือนกัน และตั้งแต่นั้นมาผมก็ไม่ตีเขาแรงๆ อีกเลย จะตีก็แค่เบาๆ แบบทะนุถนอมแค่นั้น
ผมกับอาก้า ก็ไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะต้องเจออะไรอีกบ้าง มันไม่ค่อยมีเรื่องซึ้งๆ ระหว่างเราหรอก มีก็แต่เรื่องสนุกสนาน เฮฮาเสียมากกว่า ไปเที่ยวก็ไปเที่ยวด้วยกัน กลับบ้านเจอกันก็กอดกันหอมแก้มกันเหมือนกับเจ้าของคนอื่นๆ แต่สิ่งที่ผมตั้งใจไว้แน่วแน่ก็คือ ผมไม่มีวันทิ้งเขาไปไหนแน่นอน แล้วก็จะไม่ยอมปล่อยให้หายไปไหนเช่นเดียวกับไอ้จิ๊กโก๋ ที่เคยหายจากบ้านไปไหนก็ไม่มีใครรู้ นี่แหละหนาใครเขาถึงบอกว่า จากตายให้เห็น ดีกว่าจากเป็นโดยที่ไม่รู้อะไรเลย
ถนนสายชีวิตของผมก็คงต้องมีอาก้าเดินอยู่เคียงข้างด้วยกันตลอดไป ครอบครัวของผมไม่ได้มีฐานะ หรือร่ำรวยอะไร แต่แม่ก็ยังดูแลและสอนให้ผมใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ แล้วกับอาก้าทำไมผมจะทำแบบเดียวกับที่แม่เคยมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับผมมาทั้งชีวิตไม่ได้ล่ะ เนอะ... ^^
1) อาก้าเองครับ 04/03/2555
2) วันใดที่ก้าป่วย หรือเดินไม่ไหว ป๊าก็จะอุ้มก้าให้เดินเคียงข้างป๊าตลอดไป... 13/04/2555
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สุนัขมีอายุขัยที่สั้นกว่าคน
คนจึงต้องแบกรับความเสียใจไว้เมื่อสุนัขถึงอายุขัย
ตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่ อย่างน้อยผมก็ขอทำให้สุนัขของผมพบเจอแต่สิ่งดีดีเท่าที่ผมจะทำได้...
สำหรับเขา ผมคงเป็นทั้ง "เพื่อน" ทั้ง "ผู้ปกครอง" และ "เจ้านาย"
แต่สำหรับผม เขาเปรียบเสมือน "เจ้านาย" ตัวน้อยๆ ที่ต้องดูแลไปตลอดชีวิต
ถนนแห่งความผูกพันของสองเรา... เราต่างก็เป็น "เจ้าชีวิต" ของกันและกัน...
ทางเดินแห่งโชคชะตาและย่างก้าวแห่งอนาคต...
Tag: พันธุ์ชิวาวา
ชอบ (1) , View: 786, Comment: 1

กล่องแสดงความคิดเห็น กับกลุ่มเพื่อนที่รักสุนัขทุกท่าน ที่นี่ที่เดียว Dogilike.com

ความคิดเห็นของกลุ่มเพื่อนที่รักสุนัขทุกท่าน ที่นี่ที่เดียว Dogilike.com
วันที่: 25 เมษายน 2555 [15:21] Email / Msn: nuona_metal(แอท)hotmail.com
เรื่องราวน่ารักดีนะคะ อาก้าก็น่ารักด้วย ^^